ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมงานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดฉากคุยกับราล์ฟ รังนิกเพราะย้อนไปฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 ทางจอห์น เมอร์ทอฟ ผอ.ฟุตบอลคนปัจจุบันได้เดินทางไปถึงไลป์ซิกเพื่อเยี่ยมชมสนามซ้อมซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ดูสิ่งก่อสร้างหรืออำนวยความสะดวกแต่ไปเพื่อศึกษาแนวทาง
ว่ากันว่าการเดินทางคราวนั้นยังมีเบื้องหลังอีกอย่าง นั่นก็คือทางสโมสรจากอังกฤษสนใจที่จะเอาตัวโค้ชชาวดอยทช์เข้ามาร่วมงานด้วยดังนั้นจึงอยากไปดูให้เห็นด้วยตาว่าทำไมถึงมีคนยกย่องกันจังว่าเป็นบุคคลที่เหมือนปูทางให้กับสไตล์การเล่นของเกมลูกหนังจนแพร่หลาย มียอดโค้ชทั้งเยอร์เก้น คล็อปป์, โธมัส ทูเคิ่ลจนถึงจูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ที่ก็ได้ทั้งแรงบันดาลใจกับวิชานำมาประยุกต์ใช้
"ถ้าจะมีสโมสรไหนก็ตามที่อยากติดต่อผมไปก็ต้องให้เข้าใจด้วยว่ามีคำถามแรกเลยที่ผมต้องการคำตอบ'ผมจะสามารถเป็นคนที่มีอำนาจในการดูแลทุกส่วนของสโมสรได้หรือเปล่า?'มิฉะนั้นแล้วผมก็จะได้แสดงศักยภาพเพียงครึ่งเดียวจากที่ผมมี"รังนิกมักพูดประโยคนี้ยามตกเป็นข่าว
ใช่ครับ-ตอนนี้สโมสรสีแดงที่คล้ายเป็นเรือที่กำลังลอยเคว้งกลางทะเล ไม่รู้ทิศกลับไปยังฝั่งพร้อมแล้วที่จะให้คำมั่นสัญญากับ(ว่าที่)กุนซือรักษาการจนจบซีซั่น
มีอยู่ 2 บทบาทที่ทำให้รังนิกได้ตอบตกลงจะมาช่วยกอบกู้ผี
1. คุมทีมระยะสั้นด้วยสัญญา 6 เดือน
2. ขึ้นไปทำหน้าที่'ที่ปรึกษา'ให้ทีมต่ออีกสองปีเพื่อคอยช่วยโค้ชคนใหม่ที่จะมาในช่วงซัมเมอร์โดยที่ทีมได้วางเอาไว้ว่าจะเป็นเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่หรือเอริค เทน ฮาก
ทางบอร์ดแมนฯยูไนเต็ดมีความคิดปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาออกตั้งแต่หลังเกมแดงเดือดจนกระทั่งมาถึงเกมดาร์บี้ แมตช์ที่แพ้หมดรูปให้ซิตี้0-2ก็เป็นครั้งแรกที่เริ่มมีการมองหา'แคนดิเดต'ที่เข้ามา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มีแผนสำรองเตรียมไว้เพราะทุกคนเชื่อมั่นในตัวโซลชาว่าจะนำทีมมีผลงานดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าก็จึงต้องหาใครสักคนมานั่งเก้าอี้ชั่วคราวไปก่อน
มีการลิสต์รายชื่อไว้หลายคนตามที่ปรากฎเป็นข่าวแต่รังนิกเป็นชอยส์แรกเสมออันเนื่องจากความชื่นชอบกับสัมพันธ์ส่วนตัวกับเมอร์ทอฟนั่นเอง มีการทาบทามไปเมื่อวันอาทิตย์โดยช่วงสายของวันอังคารก็บินมาลอนดอนทันทีได้เข้าเจอบอร์ดบริหารยูไนเต็ดในออฟฟิตแถวย่านหรูเมย์แฟร์
ตอนนี้ขั้นตอนเหลือแค่ตกลงให้ได้กับโลโคโมทีฟ มอสโกซึ่งทางอดีตโค้ชผู้พาชาลเก้คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลเมื่อทศวรรษที่แล้วมีตำแหน่งฝ่ายพัฒนากีฬาอยู่(Head of Sport and Development)ทว่านั่นเป็นแค่พิธีการที่ไม่น่ามีปัญหาใดๆ
ชื่อของรังนิกในฐานะโค้ชอาจไม่ได้โด่งดังเท่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติหรือแม้กระทั่งคล็อปป์แต่เป็นที่รู้กันในวงการว่าเขามีสมญานามว่า'Godfather of German coaching'
"คนบางคนเกิดมาเพื่อเป็นบางอย่าง ในตอนที่อายุ6ขวบและต้องเตะบอลกับเด็กอายุ10ขวบทางผมเองก็จะเป็นคนเลือกทีม จัดการทีมและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าทำอย่างไรถึงจะเล่นฟุตบอลได้ดี"เจ้าตัวเคยเล่าเอาไว้ผ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
หรือบทสัมภาษณ์ของเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วก็น่าพอบ่งบอกถึงตัวตนได้ดี"งานของผมคือพัฒนานักเตะเพราะนักเตะจะเชื่อฟังคุณหากคุณทำให้เป็นนักเตะที่ดีกว่าเดิมได้ ในอาชีพโค้ชไม่มีสิ่งใดยอดเยี่ยมกว่าทำให้นักเตะเติบใหญ่ไปบนเส้นทางค้าแข้งได้"
มันเป็นเช่นนั้นเสมอกับบุคคลในแวดวงใดก็ตามที่ประสบความสำเร็จจนได้รับการยอมรับ สิ่งหนึ่งเดียวที่ต้องมีในตัวของพวกเขาคือความบ้าคลั่ง...ไม่ใช่แค่ความรัก
รังนิกสนใจในศาสตร์ของเกมลูกหนังตั้งแต่เด็กโดยมาเอาจริงจังตอนเรียนมหาวิทยาลัยในสตุ๊ตการ์ท เขาเองก็ไม่ได้ติดตามแค่บอลในบ้านเกิด อย่างบอลอังกฤษนั้นก็ให้ความสนใจมาตลอด(เคยเป็นเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอยู่ทางใต้ไม่ไกลจากไบร์ทตัน)
แค่เบญเพจสเท่านั้นที่ได้งานควบคู่ผู้เล่น/ผู้เล่นจัดการทีมให้สโมสรท้องถิ่นวิคตอเรีย บัคนั่นซึ่งโอกาสล้ำค่าที่น้อยคนอาจได้รับก็มาถึงเมื่อดินาโม เคียฟภายใต้วาเลรี่ย์ โลบานอฟสกี้มาขอเตะกระชับมิตรถึงแค้มป์ในปี1984
ว่ากันว่าเกมนั่นเองที่เปลี่ยนแนวคิดฟุตบอลให้รังนิกเกือบใหม่หมด เขารู้สึกทึ่งที่อาคันตุกะจากยูเครนเล่นได้ดุดัน เข้าเพรสเร็วและดูทำให้ทุกอย่างดูง่ายไปหมดเหมือนกันว่ามีตัวลงสนามมากกว่า1-2คน
โลบานอฟสกี้จึงเป็นอาจารย์ไปโดยปริยายเพราะหลังจากนั้นก็คอยวิ่งเข้าห้องเรียนที่เป็นสนามหญ้าสีเขียวไปดูวิธีการซ้อม คอยจดกลยุทธต่างๆลงในสมุดพกจนไปถึงพวกเชิงแท็กติก นอกจากนั้นก็ยังมีอาร์ริโก้ ซาคคี่อีกคนที่เป็นไอดอลซึ่งเจ้าตัวเองมักเอาเทปวีดีโอสมัยคุมเอซี มิลานมาศึกษา
จะกล่าวว่ารังนิกเป็นคนวางรากฐานให้ฮอฟเฟ่นไฮมกับไลป์ซิกมีอย่างทุกวันนี้ก็ไม่ผิด นั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันที่ทางแมนฯยูไนเต็ดปรารถนาจะได้รับตลอดเวลานับจากนี้อีกอย่างน้อยก็สองปี
คล็อปป์เองเคยพูดหลังความพ่ายแพ้สมัยอยู่ดอร์ทมุนด์(ตอนนั้นรังนิกคุมฮอฟเฟ่นไฮม์)"สไตล์การเล่นของพวกเขาที่เพรสเราจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดพอได้บอลเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำให้ได้ในอนาคต"
ถูกต้อง...Gegenpressing
ขณะที่ทูเคิ่ลเองนั้นก็เคยกล่าวสดุดีเอาไว้เช่นกันตอนยังไต่เต้าอาชีพโค้ชในเยอรมัน"ทำงานหนัก, เกมรับแข็งแกร่งแต่การจู่โจมรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นความเพอร์เฟกต์ของฟุตบอลที่ใครก็อยากมี"
ทุกวันนี้ก็มีหลายต่อหลายทีมที่ได้แนวคิดในการทำทีมจากรังนิก เอาว่าในบุนเดสลีกาก็ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต(โอลิเวอร์ กลาสเนอร์), ดอร์ทมุนด์(มาร์โก โรเซ่อ), โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค(อาดี้ ฮุตเตอร์)จนไปถึงไลป์ซิก(เจสเซ่ มาร์ช)ที่เป็นอดีตต้นสังกัดเก่าก็ตาม
นั่นเองทำไมถึงมีสมญานามว่า'Godfather of German coaching'
การลากกระเป๋ามาทำงานในพรีเมียร์ลีกเป็นความฝันของรังนิกมาตลอด เขาเคยเข้าคุยกับเอฟเวอร์ตันแต่สุดท้ายสโมสรสีน้ำเงินของเมอร์ซี่ย์ไซด์ไปเลือกเอาอันเชล็อตติหรือตอนที่เชลซีไล่แฟร้งค์ แลมพาร์ดออกก็ได้ยื่นข้อเสนอไปให้มาทำงานไปจนจบซีซั่น
"ผมไม่พร้อมรับงานระยะสั้นเพราะคิดว่ามันไม่ตรงกับแนวทางส่วนตัว"
ดังนั้นถ้าไม่มีการระบุเอาไว้ในสัญญาว่าจะได้ตำแหน่ง'ที่ปรึกษา'ต่อในปีหน้าก็คงไม่มีทางที่เจ้าตัวจะตกลงมาอยู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดซึ่งนี่ต่างหากที่อาจเป็นเป้าหมายที่เจ้าของแชมเปี้ยนส์ 20 สมัยต้องการ
เพราะหนึ่งในปัญหาหลักของความล้มเหลวนับจากหมดยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอยู่ตรงพวกผูกไทด้านบนเป็นพวกเก่งแต่หาเงิน สนใจเรื่องรายได้เข้าคลังไว้ก่อน อย่างเอ็ด วู้ดเวิร์ดก็ไม่ใช่คอลูกหนังแต่เป็นแฟนรักบี้ อย่างเดียวกับริชาร์ด อาร์โนลด์ คนที่คาดว่าจะมาสืบตำแหน่งซีอีโอคนต่อไป
มันจึงจำเป็นที่ต้องหาใครสักคนที่มีความแตกฉานทางฟุตบอลเข้ามา
ปัจจุบันรังนิกอายุ63แล้วแต่ปรัชญาที่ยึดถือก็คงเหมือนเดิมจากสมัยที่เริ่มต้นอาชีพคุมทีมตอนกลางยี่สิบโดยเพิ่งกล่าวหนักแน่นเอาไว้ในงานประชุมคอนเฟอเรนซ์โค้ชเดือนกันยายน
"การจะพัฒนา, ให้ความรู้หรือสอนใครได้นั้นคุณจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าฟุตบอลแบบไหนที่คุณอยากจะให้เป็น นั่นเป็นสิ่งที่โค้ชแถวหน้าของยุโรปมีเมือนกัน พวกเขารู้แต่วันแรกที่มาว่าอยากให้ทีมของเขาเป็นอย่างไร นี่คืองานของโค้ชที่จะเปลี่ยนความคิดของนักเตะที่มีให้ตรงกัน มันไม่ใช่แค่ความคิดแต่มันต้องฝังไปในสมอง, หัวใจและเส้นเลือด ถ้าทุกคนสูบฉีดด้วยสิ่งที่เชื่อเหมือนกันแล้วมันก็จะเป็นแรงกระตุ้นที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมาย"
ทำไมถึงรังนิก...ตัวเลือกดีสุดที่มีในตลาดตอนนี้และตัวเลือกที่ดีสุดในการทำให้เรือลำหนึ่งหาทางกลับฝั่งเจอ
"ไก่ป่า"
อ่านบทความและอื่น ๆ ( เบื้องหลังผีเลือก"รังนิก" - สยามกีฬา )https://ift.tt/3DYhOn5
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เบื้องหลังผีเลือก"รังนิก" - สยามกีฬา"
Post a Comment