บิ๊กต้อม ไม่หวั่นที่ วาด้า ห้ามไทยจัด กีฬานานาชาติ 1ปี - เชียงไหม่นิวส์

บิ๊กต้อม หัวหน้านักกีฬาไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ ไม่หวั่นเรื่องที่ วาด้า แบน
ห้ามใช้ ธงชาติไทย ในกีฬานานาชาติ และ ห้ามไทยจัดการแข่งขัน กีฬาระดับนานาชาติ เป็นเวลา 1 ปี และห้ามใช้ธงชาติลงสามในการแข่งขันระดับนานาชาติอีกด้วย

บิ๊กต้อม ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาระดับมหกรรมกีฬานานาชาติ ชี้ไทยอาจต้องเปลี่ยนใช้ชื่อและธงคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย (TOC) ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 หากแก้ข้อบังคับที่เป็นปัญหาและไม่สอดคล้องกับวาด้า จนถูกแบนเรื่องการเป็นเจ้าภาพเกมนานาชาติ 1 ปี และการใช้ธงไทยไม่แล้วเสร็จในเดือนก.พ. ปี 2022 ส่วนการส่งนักกีฬาร่วมเกมส์ของแต่ละสหพันธ์กีฬานั้นๆ มองว่าไม่มีผลกระทบ คงจะใช้ธงชาติไทยและปฏิบัติได้ตามปกติ แต่ขอแต่ละสมาคมที่มีแผนส่งทีมเข้าชิงชัยในช่วงเวลาหลังจากนี้ ประสานกับฝ่ายจัดการแข่งขันและสหพันธ์กีฬาที่รับผิดชอบเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง

“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ เหรัญญิกคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และหัวหน้าคณะนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาระดับมหกรรมกีฬานานาชาติเผย ผลพวงจากการที่องค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลก(วาด้า) แถลงการณ์ไม่ให้การรับรองไทย ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ทั้งระดับภูมิภาค ทวีปหรือระดับโลก เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมถึงห้ามใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันเกมของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และรายการที่วาดาเป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขัน เนื่องจากทำผิดข้อบังคับบางประการของวาดา ในเรื่องของ พระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของวาดานั้น จะไม่กระทบกับการที่สมาคมกีฬาต่างๆของไทยมีแผนต้องส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ

ในเรื่องของการแบนไม่ให้ไทยจัดการแข่งขันระดับมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค ทวีป หรือ โลกนั้น ตนมองว่าจะส่งผลกระทบในช่วงเวลาสั้นและเล็กน้อยเท่านั้น ก็คือช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า เชื่อว่าเราจะเร่งดำเนินการแก้กฎบัญญัติบางข้อที่ไม่สอดคล้องกับวาดาให้แล้วเสร็จภายในต้นปีพ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ.2022 ซึ่งก็จะไม่กระทบกับการเป็นเจ้าภาพเอเชียนอินดอร์ แอนด์ มาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งเราโยกเป็นเจ้าภาพจากปี 2565 ไปปี 2566 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

“ส่วนเกมที่เราจะเป็นเจ้าภาพในระดับทวีปหรือภูมิภาค ในช่วงระยะเวลาปีนี้ ผมอยากให้สมาคมกีฬาของไทย ประสานและสอบถามไปถึงสหพันธ์นั้นๆด้วยว่า ติดขัดหรือมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เพื่อหารือถึงความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการหาทางออกร่วมกัน ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าที่เราทำผิด แต่ไม่ถึงขั้นเป็นความผิดร้ายแรง เป็นการทำผิดข้อบังคับในเรื่องของตัวบทบัญญัติที่ไม่สอดคล้องกับทางของวาดา และเราเองดำเนินการปรับแก้มาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ในตัวกฏหมายไทยมีหลายขั้นตอนและต้องใช้เวลานาน ทำให้เกิดปัญหาขึ้น