'แสนชัย พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม' ยอดนักชกไทยที่ทั่วโลกให้การยอมรับ - สยามกีฬา

‘มวยไทย’ ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติไทยที่ไม่มีใครในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่มีนักมวยไม่มากนักที่ต่างชาติยอมรับ ซึ่งหนึ่งในนักมวยชาวไทยไม่กี่คนที่ไปสร้างชื่อในต่างแดน คือ ‘แสนชัย พี.เค. แสนชัยมวยไทยยิม’ ที่ใช้ ‘ม้าดีดกะโหลก’ จนกลายเป็นท่าประจำตัว

‘แสนชัย’ หรือนายศุภชัย แสนพงษ์ เป็นคนจังหวัดมหาสารคาม เกิดมาในครอบครัวที่มีต้นทุนทางชีวิตไม่สูงนัก เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ โดยเส้นทางนักสู้ของแสนชัยเริ่มต้นในวัย 8 ขวบ ได้ขึ้นสังเวียนการแข่งขันเป็นครั้งแรกในเวทีมวยงานวัดแถวบ้าน และผลจากการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีทำให้แสนชัยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ ได้รับเงินค่าตัวครั้งแรกเป็นเงิน 30 บาท!

ด้วยใจรักพร้อมกับความสามารถที่มี คุณพ่อจึงผลักดันและสนับสนุนให้ลูกชายก้าวสู่เส้นทางผืนผ้าใบอย่างจริงจัง โดยนำแสนชัยไปฝากกับ ‘สมหวัง คำทุ่น’ หัวหน้าคณะ ‘ส.คิงสตาร์’ ให้ช่วยสนับสนุน ทำให้แสนชัยได้ขึ้นชกในชื่อ ‘แสนชัย ส.คิงสตาร์’ โดยเดินสายทั่วภาคอีสานจนเรียกได้ว่า เป็นยอดไอ้แอ้ดเดินสาย จนมีโอกาสขึ้นชกมวยชิงแชมป์รุ่น 34 กิโลกรัม ซึ่งเป็นที่มาของเข็มขัดแชมป์เส้นแรกในวัยเด็กของเขา

แสนชัยเป็นนักชกตัวเล็ก ที่มักเจอกับคู่ชกตัวใหญ่กว่าเป็นประจำ แต่ด้วยมีเทคนิคสูง ออกอาวุธเร็ว ป้องกันตัวดี ทำให้เขากลายเป็นยอดมวยที่หาคู่ชกยากและต้องต่อน้ำหนัก จนกล่าวได้ว่าเขาไม่สามารถจะชกกับนักมวยไทยทุกคนด้วยน้ำหนักที่เท่ากัน หรือในรุ่นของตัวเองได้ และว่ากันว่านักมวยสมัยนั้นหากใครผ่านด่านอันตรายของแสนชัยไปได้ จึงจะถือว่าเป็นยอดมวยไทยตัวจริง

ปีพ.ศ. 2545 แสนชัยมีโอกาสผันตัวไปชกมวยสากลจนมีโอกาสคาดเข็มขัดแชมป์ PABA เฉพาะกาลรุ่นเฟเธอร์เวต โดยสถิติการชกมวยสากลของแสนชัย คือชก 5 ครั้ง ชนะ 5 ครั้ง น็อกถึง 2 ครั้ง จนเป็นที่ได้รับการยกย่องว่า แสนชัย พี.เค. เก่งที่สุดหากจะเทียบปอนด์ต่อปอนด์

ปีพ.ศ. 2551 ถือปีทองของแสนชัยเลยก็ว่าได้ นอกจากชัยชนะบนสังเวียนมวยแล้ว เขาสามารถกวาดรางวัลมาอีกเพียบ ทั้งนักมวยไทยดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย, นักมวยไทยยอดเยี่ยมของชมรมเพื่อน 19, นักมวยไทยยอดเยี่ยมของชมรมผู้สื่อข่าวกีฬามวย, นักมวยไทยยอดเยี่ยมของสยามกีฬา อะวอร์ด, นักมวยไทยยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา และตำแหน่งทูตผู้เผยแพร่ศิลปะมวยไทยของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา

แม้จะประสบความสำเร็จกับการต่อยมวย แต่แสนชัยก็เคยหันหลังให้สังเวียนผืนผ้าใบ ตัดสินใจถอดนวมไปสวมสตั๊ด เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยการลงเล่นให้กับทางสโมสรเมืองทองฯ ครั้งที่ยังใช้ชื่อเมืองทอง หนอกจอก ยูไนเต็ด ในฐานะตัวสำรองอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะกลับไปชกมวยไทยอีกครั้ง

‘โคตรมวยสารคาม’ สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้ตนเองและประเทศชาติอย่างมากมาย แมตช์สำคัญที่น่าจดจำก็อย่างเช่น พ.ศ. 2552 แสนชัยสร้างชื่อจากการชกแบบกติกา 2 รุม 1 และเป็นผู้ชนะในแมตช์ประวัติศาสตร์ โดยคู่มวยในตำนานครั้งนั้นพบกัน ระหว่าง แสนชัย ส.คิงสตาร์ (พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม) กับ สะเก็ดดาว เพชรพญาไท และ เพชรบุญชู เอฟ.เอ.กรุ๊ป

และเมื่อปีพ.ศ 2562 แสนชัยสามารถสร้างสถิติที่น่าจดจำแก่ตนเองและวงการมวยด้วยการเอาชนะน็อก Batjargal Sundui ซึ่งทำให้เขาสามารถชนะการชกมาถึง 50 ไฟต์ ติดต่อกันตั้งแต่พ.ศ. 2557–2562 โดยไม่แพ้ใครเลย นอกจากจะมีเชิงชกที่ไม่เป็นสองรองใครแล้ว ‘แสนชัย’ ยังเป็นหนึ่งในสุดยอดกำปั้นที่สร้างชื่อให้ ‘มวยไทย’ ดังไปทั่วโลก เพราะเขาคนนี้ไม่ได้เพียงแค่นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปโชว์เท่านั้น แต่ยังพกพาการไหว้ครูที่สวยงาม ไปประกาศศักดาแก่ชาวโลกอีกด้วย

วันนี้ ‘แสนชัย’ ในวัย 40 ปี ซึ่งสำหรับวงการมวยไทยถือว่าอายุมากและนักมวยในวัยเดียวกันต่างแขวนนวมกันไปหมดแล้ว แต่ปัจจุบันแสนชัยยังคงเดินสายไปต่อยทั่วโลกและเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยเต็มรูปแบบ ผ่านท่าม้าดีดกะโหลก, เตะก้านคอ, ศอกกลับ, เข่าลอย ที่หาดูยากในวงการมวยเมืองไทย รวมถึงไปเป็นวิทยากรสอนมวยให้กับนักเรียนชาวต่างชาติ ถึงขนาดว่า วิซ คาลิฟา (Wiz Khalifa) แรพเปอร์ชื่อดังระดับโลกชาวอเมริกัน ที่หลงใหลศิลปะแม่ไม้มวยไทย บินลัดฟ้าบุกมาเรียนถึงประเทศไทยกับแสนชัยเลยทีเดียว

แม้ทุกวันนี้แสนชัยจะเป็นนักมวยที่โด่งดังในต่างประเทศและมีค่าตัวสูงถึง 800,000-1,000,000 บาทต่อไฟต์ แต่เขายังชอบทำกิจกรรมการกุศลและตอบแทนคืนสังคมอยู่เสมอ อย่างเมื่อปีก่อนก็ได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภค ไปแจกให้กับพี่น้องชาวไทยที่ประสบภัยทางเศรษฐกิจ จากผลกระทบจากโควิด-19

โปรไฟล์

ชื่อ-สกุล : ศุภชัย แสนพงษ์

ชื่อเล่น : -

เกิด : 30 กรกฎาคม 2523 (มหาสารคาม)

ประเภทกีฬา : มวยไทย

ผลงาน :

● พ.ศ. 2542 ยอดมวยประจำปี (สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย)

● พ.ศ.2546 ชนะคะแนน รุด 4เค คาเคฟเซ่ (ฟิลิปปินส์)

● พ.ศ.2547 ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1 ชนะคะแนน รุด 4เค คาเคฟเซ่ (ฟิลิปปินส์)

● พ.ศ. 2551 แชมป์รุ่นเฟเธอร์เวต เวทีมวยลุมพินี (130 ปอนด์)

● พ.ศ. 2551 นักมวยไทยดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย

● พ.ศ. 2551 นักมวยไทยยอดเยี่ยมของชมรมเพื่อน 19