มาวิน : มีความสุขครับ ตื่นเช้ามาเจอหน้าเขาก็สดชื่นทุกเช้า
คุณตู่ : จริงๆ ไม่มีอะไร ตู่เป็นคนที่ถ้าคิดแคปชั่นไม่ออกจะไม่ลงรูป จริงๆ เน้นที่แคปชั่น ก็จะมีกลุ่มนึงที่ตามแคปชั่นเรา เราก็จะคิดไปเรื่อยแหละ แล้ววันนั้นคิดออกก็เลยลงไป ก็เป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะทำให้เข้าใจผิดกันไป
มาวิน : เอาอีกแล้ว กดไลก์ก่อน แต่โนคอมเมนต์
คุณตู่ : ตอนนั้นที่โพสต์ไม่ได้คิดเลย คิดแค่ว่ามันขำดีอะไรอย่างนี้
มาวิน : คือตู่เขาเป็นคนที่แคปชั่นเขาจะเด็ดมาก คือไอจีผมเขาจะมีพาสเวิร์ส บางทีผมคิดแคปชั่นไม่ออก ผมบอกให้เขาคิดและลงให้หน่อย
คุณตู่ : ส่วนใหญ่เหมือนเดิมเลย เพียงแต่ว่าเราคุยกันมากขึ้น ใจเย็นมากขึ้น
มาวิน : เขาใจเย็นมากขึ้น
คุณตู่ : อยู่บ้านตู่ ครอบครัวเขาอยู่ต่างจังหวัด แล้วเขาอยู่บ้านคนเดียว ให้เขาย้ายมาบ้านเราง่ายกว่า
คุณตู่ : ใช่ ด้วยโควิด เนื่องจากว่าถ้าเกิดจัดงานเกิน 200 คนเราจะต้องทำเรื่องขอแล้วชุดที่ตัดมาแล้ว 4 ชุดจะทำยังไง?
คุณตู่ : ก็นี่แหละยังท้องไม่ได้ เพราะว่าต้องไปใส่ชุดที่ตัด 4 ชุดให้ได้ก่อน เพราะว่าตัดไว้เอว 24
สมมติระหว่างรอเกิดมีเบบี๋ขึ้นมาเราจะจัดงานอยู่ไหม?
คุณตู่ : ไม่น่ามีศักยภาพขนาดนั้น
มาวิน : คุณยังไม่ได้เจอของจริง
เรื่องแพลนจะมีลูกก็ยังคิดไม่เหมือนกัน เพราะว่าพี่มาวินอยากมีลูกคนเดียว แต่คุณตู่อยากมี2?
คุณตู่ : อยากให้เขามีเพื่อนคุยกัน อยากได้ผู้หญิง
มาวิน : ชอบลูกผู้หญิงครับ
ถ้ามีลูกเราอยากให้ลูกหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน?
มาวิน : ให้เหมือนเขา มีความน่ารักมุ้งมิ้ง แล้วมีความเป็นระเบียบ มีความเป็นผู้นำ
แล้วทางครอบครัวของคุณตู่อยากได้หลานขนาดไหน?
คุณตู่ : อยากได้ ตอนแรกเขายังบอกเลยถ้ามันต้องเลื่อนไปนานมากก็มีไปเลยไหม เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวชุดใส่ไม่ได้
ย้อนเล่าหน่อย สองคนนี้เจอกันได้ยังไง?
มาวิน : ผมแอบมองเขามา 2 ปี ตั้งแต่เห็นที่ร้านหมอฟัน ไปทำฟันที่เดียวกัน เมื่อ 13 ปีที่แล้ว คอนนี้คบกันมาปีนี้ปีที่ 11 แล้วครับ
มาวิน : ไม่รู้ พอเราเข้าไปหาหมอเราก็ถามพี่หมอใคร ลูกนายไง เอ้า…ไม่เคยรู้
มาวิน : มันไม่รู้สึกว่าเกินเอื้อม เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ก็ละไว้ในฐานเข้าใจ เราก็ปลื้มเขา
มาวิน : ก็แอบคิดว่าเวลามางานช่องจะได้เจอเขาไหม แอบมองไกลๆ
คุณตู่ : ไม่ได้เลย
คุณตู่ : ก็วันครอบครูนี่แหละ
มาวิน : ผมก็พูดขำๆ แหละครับ ผมก็เข้าหาเขาก่อนจริงๆ ก็นั่งพนมมืออยู่ เขาก็มองมา เราเลยบอกรุ่นน้อง คนนี้ลูกนายโคตรน่ารักเลย โคตรชอบเลย แล้วเขาก็คลานเข่าเข้ามาชวนไปแคสละครของเขาทำไมตอนนั้นถึงชวนเขาไปแคสละคร?
คุณตู่ : ในเรื่องนั้นมันขาดตัวนึง ซึ่งดูเจ้าชู้ กระล่อน เราเห็นหน้า เออ…หน้าตาไม่ดูเป็นคนดี
คุณตู่ : ไม่คิดเลย
คุณตู่ : สเปคเราชอบตี๋ๆ อยู่แล้ว แต่วันนั้นที่เข้าไปทัก เรื่องงานล้วนๆ
มาวิน : ผมขอพินบีบี พอตอนที่เขาถ่ายรูปเพื่อเอาไปให้ทีมผู้กำกับดู ก็ถ่ายรูปคู่กับเขา ผมก็เลยถามคุณตู่ครับแล้วผมจะได้รูปยังไง อ่อเดี๋ยวทีมงานส่งให้ ผมก็เลยรีบยิงไป ถ้าไปยิงไปอดแน่ๆ คุณตู่ครับจัดฟันเสร็จแล้วเหรอ เขาก็บอกว่าทำไมรู้ ก็ตอบไปว่าเราหาหมอที่เดียวกันครับ ก็เลยเริ่มคุย แล้วบอกว่างั้นผมขอพินบีบีคุณตู่ไว้ได้ไหมครับ
คุณตู่ : ไม่รู้
มาวิน : ชอบแมวไหม
คุณตู่ : ก็ตอบไปว่าใช่ ก็งงเหมือนกัน เขาก็เริ่มส่งรูปแมวมาให้ดู
คุณตู่ : 2 เดือนได้นะ
คุณตู่ : ปกติเป็นคนเครียดเวลาทำงาน เขาแบบมันทำให้เราหัวเราะได้เยอะ
มาวิน : ผมเป็นคนไม่มีสาระ
มาวิน : ประมาณ 2 เดือนได้
คุณตู่ : ชอบความเสี่ยงนิดนึงมั้ง เอาจริงๆ ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเรามีความคลิ๊กกันในบางอย่างที่คนอื่นไม่ได้เข้าใจเรา แล้วคุยกับเขาแล้วมันเข้าใจ
คุณตู่ : ใช่
มาวิน : โดนครับ
คุณตู่ : เราคุยกับคนอื่นเขาไม่เข้าใจความรู้สึกเรา ของตู่จะโดนเวลาอยู่ในกลุ่มผู้หญิง กลุ่มใหญ่ๆ แล้วมีหัวหน้ากลุ่ม เรารู้สึกว่าทำไมทุกมื้อเราต้องกินตามหัวหน้ากลุ่ม เรารู้สึกว่าฉันอยากกินแบบอื่นบ้าง ทำไมต้องทำตามคนนี้ ก็จะโดนเพื่อนแอนตี้ทำไมแกต้องขวางโลก แกไม่อยากกืนใช่ไหม พอเราไปห้องน้ำเขาก็ไปกินข้าวกันเลย มันก็เฮิร์ตเรานะนั่งกินข้าวคนเดียว
มาวิน : ผมเป็นเด็กอ้วนไง ตอนนั้นที่บ้านล้มละลายไม่ค่อยมีเงิน ความต่างกับเพื่อนจะเยอะมาก เพื่อนจะด่า ไอหมูตาหยี๋ แต่งตัวเหมือนเดิมทุกวัน ช่วงซัมเมอร์เอกชนเขาจะใส่ชุดอยู่บ้านไป แต่ผมจะใส่กางเกงอยู่แค่ 2 ตัว แล้วมีเสื้ออยู่ 3 ตัว เรียนอยู่ 2 เดือนนะพี่ รองเท้าก็คู่เดิม ใส่จนขาด เพื่อนก็บอกว่ามึงแต่งตีงเหมือนเดิม อ้วนก็อ้วน มันจี้ใจเรา มันมีปมในใจเรา โอเคไม่เป็นไรเราไม่เคยโทษเพื่อน แต่เรารู้ว่าโดนแบบนี้แม่งเจ็บนะ เราก็แค่ไม่ได้แสดงออกให้เขารู้
มาวิน : ลำบากๆ จากเมื่อก่อนนั่งเบนซ์ไปโรงเรียน มาวันนึงทุกอย่างมันหายไปหมด ต้องขึ้นรถเมล์ เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
มาวิน : มี เดือนแรกเลย
คุณตู่ : เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนที่คนสนใจขนาดนั้น เพราะเราเป็นผู้จัดไม่ได้เป็นดารา แล้วเขาก็เป็นดาราไม่ได้ดังมาก เราก็ทำตัวปกติไปเดินห้าง แล้วมีหนังสือกอสซิบถ่ายรูป
มาวิน : คนก็เริ่มรู้
คุณตู่ : คนเริ่มรู้ ในวงการก็เริ่มรู้ คนก็มาถาม มีผู้หวังดีโทรมาหามากมาย บอกว่าอยากรู้เรื่องไหม จะเล่าให้ฟัง ช่วงแรกก็มีจิตตกนิดนึง แต่ตอนหลังรู้สึกว่าอยู่กับเขาไม่เห็นเป็นอะไรเลย
มาวิน : ช่วงที่จีบเขา มันจะมีช่วง 3-4 วันคุยกับเขาแบบไม่หลับ ไม่นอน ผมจะเล่าสิ่งที่ผมเคยทำเลวที่สุดในชีวิตให้เขาฟัง ผมเล่าหมดเลย ผมเล่าเสร็จบอกว่าถ้าคุณตู่รับไม่ได้ไม่เป็นไรครับ ของคุณที่เรียนรู้ และรู้จักผม เก็บผมไว้เป็นเพื่อนคนนึงก็พอ แต่ถ้าคุณตู่ให้โอกาสเราไปด้วยกัน แล้วคุณตู่จะไม่เจอแบบนี้ในชีวิตเลย
คุณตู่ : แล้วผู้หญิงที่โทรมาก็เหมือนคอนเฟิร์มเล่าเรื่องที่เขาเล่ามาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหกจริงด้วย
คุณตู่ : เขาบอกว่าเขาเล่ามาทั้งหมดให้เรารู้ไว้ หลังจากนี้เขาจะไม่เป็นเรื่องฐานะเจอคนเม้าท์ไหม?
คุณตู่ : นี่จะโดนเลย หนูตกถังข้าวสาร สำนวนไทยก็มา
มาวิน : มาเกาะผู้หญิง เป็นแมงดา นู่นนี่นั่น
คุณตู่ : แต่เราอยู่ด้วยกันเรารู้ว่าเป็นยังไง
มาวิน : ผมก็ออกของผมเอง เขาก็ออกของเขา ขอบคุณที่ยังแฟร์ๆ กับผมได้ ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงเขาแน่นอน แล้วเขาก็ลดตัวเองมา กินข้างทางกับผมได้ กินปลาร้า กินส้มตำได้หมดแล้วคอมเมนต์ไหนที่เราฟังแล้วรู้สึกอันนี้ไม่ไหว มันหนักมาก?
คุณตู่ : ของตู่จะโดนมีสมองหรือเปล่า โง่ โดนหลอก เดี๋ยวก็เลิกกัน
มาวิน : เราก็มห้กำลังใจกันเยอะ ขอบคุณที่ยังมีกัน ที่ยังเชื่อใจกัน ถ้าเราอ่อนไหวตามคนอื่น มันหลายคู่ที่มันอยู่ไม่ได้กับเรื่องนี้
คุณตู่ : เพื่อนที่เป็นห่วงมากๆ ฉันบอกแกไม่ต้องห่วง ถ้าหนนี้ฉันเลือกผิดคน ฉันแค่โง่ ฉันไม่ตาย แกไม่ต้องห่วง ฉันอยู่รอดแน่นอนพอข่าวหลุดว่ามาวินจีบคุณตู่ ก็มีนักแสดงระดับพระเอกโทรมามีทีท่าจะจีบเราด้วย เขาเป็นใคร?
มาวิน : มันนานมาแล้วพี่
คุณตู่ : ก่อนที่วินจะมาจีบ ไม่มีนักแสดงมาจีบเลย พอรูปนั้นหลุดไปปุ๊บ เรารู้สึกว่าเราก็สวยเหมือนกันนะ
มาวิน : ผมไม่เข้าใจคำนี้จริงๆ นะ คำว่าเพื่อนคืออะไร คุณตู่ก็ถามว่าวินจะไม่ทำอะไรเหรอ ผมบอกว่าไม่ครับมันสิทธิ์ของเขา เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้เปิดตัว ให้ตู่เป็นคนบอกเองมากกว่า แต่สุดท้ายตู่โอเค ผมก็เลยคุยเลยว่าไม่ต้องโทรมาอีกนะ แฟนผมดูแลได้
มาวิน : ไม่ผมเป็นคนไม่เคยโกรธใคร
คุณตู่ : เขาไม่โกรธ หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน
คุณตู่ : ก็ไม่เปิด เรารู้สึกว่าเราไม่อยากอ่านคอมเมนต์อะไรที่มันเป็นเชิงลบ งั้นก็อยู่เงียบๆ ดีกว่า ประมาณ 2 ปีได้
คุณตู่ : ตู่ว่าคนค่อยๆ รู้ เนื่องจากเราไปกับกลุ่มเพื่อน เพื่อนถ่ายรูปก็ติดเขาไปบ้าง กระแสแอนตี้ก็เริ่มน้อยลง ถามว่ายังมีดราม่าไหม มีน้อยๆ ช่วงนั้นก็ห่างหายจากวงการไปด้วย ก็คิดว่าเบื้องหน้าคงไม่ใช่ทางของวินแล้ว ก็เลยบอกวินว่ามาทำเบื้องหลังไหม เพราะเขาเป็นคนชอบคุย ชอบเล่า
มาวิน : ก็เป็นครีเอทีฟ คิดพล็อตละคร ก็ต้องคิดล่วงหน้า 10 ตอน ผมเป็นคนคิดแล้วใส่ดีเทลลงไปให้เขาไปขยายบทต่อ
คุณตู่ : อันนั้นก็จะโดนคนเม้าท์เหมือนกันว่ามาเกาะอีกแล้ว แต่ตอนนั้นเราก็แบบช่างทันเถอะ เราต้องมีอาชีพ ต้องมีอะไรบ้าง
คุณตู่ : ก็เรื่องนี้แหละ เรื่องสังสรรค์กับเพื่อน ที่โกรธเพราะเรารู้สึกว่าก่อนไปกับเพื่อนสัญญาอย่างดีเลย เดี๋ยววินจะอย่างนี้ จะกลับเท่านี้ โทรศัพท์จะรับตลอดเวลา แต่พอไปเจอเพื่อนปุ๊บทุกสิ่งที่พูดกับเราคือ…โทรศัพท์ก็ไม่รับ มันหลายๆ ครั้ง เป็น 10 อะ มันบ่อยจนเรารู้สึกว่าเขาเลือกเพื่อนมากกว่าเรา
มาวิน : เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง
มาวิน : เขาไม่รับโทรศัพท์ ไม่ให้เข้าบ้าน ขอยามเข้าไปนั่งรออยู่หน้าห้องก็ไม่เปิดประตู คือแบบยังไงก็ไม่ยอมแล้วเขาใจอ่อนได้ยังไง?
มาวิน : โห…นานอะ ไปเฝ้า โทรเป็นพันมิสคอลกว่าจะยอมรับ
คุณตู่ : โทรหาเพื่อนทุกคน โทรหาเลขา โทรหาคนที่ออฟฟิศ ทุกอย่างเลย
มาวิน : โคตรแข็งเลย
คุณตู่ : ถ้าตัดสินใจ ถ้าบอกว่าเราจะเลิกคือเลิก เราไม่อยากพูดคำว่าเลิกไปลอยๆ เปล่าๆ
คุณตู่ : ก็พูดเหมือนเดิม วินจะไมทำอีกแล้ว
มาวิน : ก็สัญญาว่าจะไม่ทำอีกแล้ว รักนะ ซึ่งมันก็ทำได้ เพราะไม่มีเขาเราอยู่ไม่ได้อย่างนี้เรียกว่ามาวินกลัวเมียไหม?
มาวิน : กลัวครับพี่ ยอมรับครับ กลัวเขามากที่สุด
มาวิน : แฮปปี้ครับ
มาวิน : ครับ ก่อนหน้านั้นไม่เคยเลย
คุณตู่ : ไม่เคยเหยียบเข้าไปเลย
คุณตู่ : ไม่เจอ
มาวิน : ใช่
มาวิน : ไม่เคย ไม่มีเลย
มาวิน : ก็ทำนิ่งๆ แยกๆ เป็นนักแสดงคนนึ้
คุณตู่ : จริงๆ ที่บ้านรับรู้มาตลอด เพราะมันจะมีข่าวมาเป็นช่วงๆ แต่ว่าที่เข้าบ้านได้แบบเนียนมาก เพราะสนิทกับหลาน แล้วหลานเรียกร้อง อยากเจออาวิน หลานถามถึงบ่อย จนที่บ้านบอกพาเขามากินข้าวซิ
วันแรกที่ไปเจอใครบ้าง?
มาวิน : ผมเจอทั้งตระกูล กังวล ลกไปหมด พอไปเจอของจริง ขนนี่ลุกเกลียว ผมก้มตลอด ยกมือไหว้ นั่งกินข้าวเสร็จแล้วไม่ลุกเลย
เพราะว่าทำเพจอาหารทำให้คู่นี้ได้แต่งงานกัน เพราะอะไร?
มาวิน : ใช่ครับ เพราะฟีดแบคดีคนยอมรับเยอะ คนติดตาม แล้พอคนรู้สไตล์เรา เรากินเผ็ด เรากินดุ กินมันส์ แล้วกินจริง รีวิวสินค้าคือเป็นสิ่งที่เราชอบเท่านั้น แล้วคนตามก็ไม่ผิดหวัง รู้ว่ารสชาติเป็นแบบนี้ผมจะบอกเลยว่าประเทศไทยไม่ต้องของแพง ของถูกก็อร่อยได้
ตอนนั้นคิดไหมว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนั้น?
มาวิน : ตอนนั้นไม่คิด คิดแค่ว่าขอเป็นตัวเอง ตอนที่เริ่มทำเพจ มันมีบางคลิปที่กระแสมันมา แล้วมันก็แผ่วไปอีก 3 เดือน ก็หาทางไม่เจอ แค่เอาอาหาร 2 อย่างมาเทียบกันว่ามันต่างกันยังไง สุดท้ายก็กินเป็นตัวเองนี่แหละ
อีกหนึ่งอย่างที่ทั้งคู่เชื่อมากๆ คือไปมูกับไอ้ไข่วัดเจดีย์?
มาวิน : ไอ้ไข่นี่สุดจริงๆ คือตอนนั้นเครื่องรางมา
คุณตู่ : ก็มีช่วงนึงที่เขาฮิตใส่เครื่องราง เราก็ไปเหมือนกัน อยากจะได้มาบูชาบ้าง ก็เลยเริ่มศึกษามาเรื่อยๆ
มาวิน : แล้วเราก็ได้มา เป็นรุ่นนึง เอาไปทำใส่ข้อมือไว้ เราก็เลยลองข้อดู ตอนแรกขอเล็กๆ ขอให้ได้งานนี่นะ มันก็ปิดจ๊อบได้เรื่อยๆ แล้วเราก็บอกว่าถ้าได้งานนี้มาจะบินไปที่นครเลย พอได้งานมาก็บินไป พอไปถึงหน้าวัดปุ๊บก็ไปซื้อประทัด พอเข้าไปในวัดปุ๊บก็ไปยืนงงว่าเข้าไปทางไหน เลขาโทรมาบอกว่ามีลูกค้าโทรมาหางานพี่เต็มไปหมดเลย ประมาณ 6-7 งานในเวลาเดียวกัน มาจากไหนก็ไม่รู้ อันนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เสร็จแล้วจุดประทัดพนมมือว่าถ้าได้ตามยอด เดือนหน้ามาใหม่ ตอนนั้นไป 3 เดือนติด ไปทุกเดือนเลย
ก็เชื่อมาจนถึงทุกวันนี้?
คุณตู่ : เชื่อๆ ได้บูชาองค์ประธานมาด้วย มาไว้ที่ออฟฟิศ แล้วองค์ประธานชอบให้คนมาไหว้ มาคุยกับเขาเยอะๆ เขาเป็นเด็ก 9 ขวบ ก็จะมีคนมาขอหวย ก็ได้ ถูกติดกันหลายๆ งวด
แต่ก่อนที่จะเอาองค์ประธานมาไว้ที่ออฟฟิศ อยู่บ้านก่อน มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นที่บ้าน?
คุณตู่ : ก็จะมีกลับบ้านรีบเปิดดูละคร เราก็นั่งดู สักพักแอร์ติด
มาวิน : ตื่นเช้ามาจะไปบ้านเขา พอเปิดประตู ทำไมตาไข่อยู่ในรถ
แล้วมาอยู่ในรถได้ไง?
คุณตู่ : ก็เมื่อคืนเขาเปิดแอร์ให้ไง ก็เลยเอาไปไว้ในรถก่อน ก็ไปอยู่ออฟฟิศดีกว่า ก็บอกพี่ไข่ๆ อยู่ออฟฟิศนะ ที่ออฟฟิศมีคนเล่นด้วยเยอะ
มาวิน : แล้วตอนที่ไปไหว้ตาไข่ มีเพื่อน 2 กลุ่มไปด้วย เพื่อนคนนึงเขาไม่เชื่อ เขามองว่าเป็นแฟชั่น คนที่เชื่อบูชาตาม คนที่ไม่เชื่อบอกว่ามีเงิน ฉันเอาด้วย ก็เอากลับไป พอตอนกลางคืนนางก็สนุกมาก เพื่อนไม่รู้ว่านางเป็นตุ้ด แต่พอกลางคืนเหล้าเข้าปาก พี่ตินาลง นี่มาเต็ม ทำไมเมื่อเช้าไม่ใช่แบบนี้ มันก็พูดจากปากคำแรกเลยว่า ไข่ลง พูดเท่านั้นแหละ เราก็บอกว่าห้ามพูดแบบนี้นู่นนี่นั่น พอจังหวะที่เดินกลับมา มันกระดกเหล้าเพรียวเข้าปาก ซึ่งมันผิดนิสัยเพื่อนคนนี้ สักพักมีเพื่อนโทรมาบอกว่าเพื่อนคนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ไปล้มที่หน้าหาด ขาฉีกถึงเส้นเอ็นเห็นกระดูกเลย พอจังหวะที่มันตื่น มันโทรหาเลขาที่ไปด้วย ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ทำไมขาพันผ้า โดนเย็บขนาดนี้ มันจำอะไรไม่ได้ มันปวดมาก แล้วถามว่าแล้วจำภาพสุดท้ายได้ตอนไหน มันบอกว่าที่พูดว่า ก็ไข่ลง แล้วหลังจากนั้นมันจำอะไรไม่ได้อีกเลย
เคยคิดไหมว่าตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจะมีวันนี้?
มาวิน : ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ สำหรับผมมันมาไกลเกินใันมาก อีกอย่างนึงที่มองย้อนกลับไปแฮปปี้มาก เพราะเรามีกัน แล้วขอบคุณทุกคนที่รักเรา แล้วเข้าใจว่าเราจริงใจเวลาเราทำทุกอย่าง
คุณตู่ : วันที่เขาขอแต่งงาน ทุกคนบอกว่าทำไมน้ำตาไหลเร็วมาก เพราะว่ามันไม่คิดจริงๆ ว่าเราได้แต่งงานจริงๆ เราก็ดีในมาก และภูมิใจในตัวเขามาก เราก็บอกเขาว่าคุณไม่ต้องออกให้เรานะ ทุกอย่างเราหารครึ่งหมด แต่คุณต้องดูแลตัวเองให้ได้ แล้ววันที่คุณดูแลตัวเองได้ค่อยมาพูดถึงเรื่องอนาคตของเรา แล้วเขาก็ทำได้
อยากจะบอกอะไรเขา ?
มาวิน : รักนะจุ๊บๆ
คุณตู่ : ก็รักเขาแหละ เราอยู่กันมาตั้งแต่เขาไม่มีเงิน ไม่มีงานด้วย แต่เราก็ผ่านมันมาได้ และในอนาคตก็เชื่อว่าเราจะผ่านอีกหลายๆ อย่างไปได้ด้วยกัน
มาวิน : ก็ขอบคุณเขา ถ้าไม่มีเขา ผมคงไม่มีวันนี้ เขาคือทุกอย่างของผมจริงๆ กำลังใจเดียวในชีวิตเลย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
SHARE
FOLLOW US
อ่านบทความและอื่น ๆ ( 'ตู่-มาวิน' เผยชีวิตคู่หลังแต่งงานครั้งแรก พร้อมเปิดใจเส้นทางความรักกว่า 11 ปี - thebangkokinsight.com )https://ift.tt/3pZnOE4
บันเทิง
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'ตู่-มาวิน' เผยชีวิตคู่หลังแต่งงานครั้งแรก พร้อมเปิดใจเส้นทางความรักกว่า 11 ปี - thebangkokinsight.com"
Post a Comment